(22 ม.ค.61) เวลา 09.30 น. นายสกล จันทรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.อ. ชาญวิทย์ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช นายปรีชา วิเศษสิทธิ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1 นาวาโท รัชตะ ผกาฟุ้ง ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครศรีธรรมราช นายทวี ไข่แก้ว โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด นางสาววัชรี จิตต์วรจินดา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครศรีธรรมราช นายบุญเพิ่ม นาคดำ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช นางจีรภา รอดเพชร ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช นายเกรียงศักดิ์ รักษ์ศรีทอง นายอำเภอปากพนังและ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ธานีรัตน์ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากพนัง ได้ลงพื้นที่ประชุมชี้แจงและรับฟังปัญหาข้อเรียกร้องของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างแนวเขื่อนหินใหญ่ อำเภอปากพนัง ที่ศูนย์ประชุมหมู่บ้าน หมู่ที่ 9 บ้านนำทรัพย์ ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง โดยมีนายไพโรจน์ รัตนรัตน์ แกนนำเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างแนวคันกันคลื่นแนวชายฝังปากพนังและทวงคืนโฉนดทะเล พร้อมด้วย นายณัฏภัทร อ่อนศรีทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขนาบนาก ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างแนวเขื่อนหินใหญ่ ริมถนนทางหลวงหมายเลข 4013 สายปากพนัง – หัวไทร พื้นที่ตำบลท่าพญาและตำบลขนาบนาก ประมาณ 80 คน เข้าร่วมประชุมและเสนอข้อเรียกร้อง
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ แกนนำเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างแนวคันกันคลื่นแนวชายฝังปากพนังและทวงคืนโฉนดทะเล และประชาชน ได้ยื่นข้อเสนอ 10 ข้อ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างแนวเขื่อนหินใหญ่ อำเภอปากพนัง โดยระบุเหตุผลว่าในช่วงที่ดำเนินโครงการดังกล่าวได้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย บาดเจ็บ 16 คน จึงขอให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ห้ามรถบรรทุกหินวิ่งในเวลากลางคืน ห้ามบรรทุกน้ำหนักเกิน ให้ติดตั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟกระพริบ ให้รื้อถอนแนวหินใหญ่ของแขวงทางหลวงที่อยู่ริมถนนในพื้นที่ ต.ท่าพญาและ ต.ขนาบนากออกเมื่อโครงการก่อสร้างเขื่อนหินใหญ่ของกรมเจ้าท่าดำเนินการแล้วเสร็จ ในการดำเนินโครงการของกรมโยธาธิการและผังเมือง และโครงการของกรมเจ้าท่า มีการแก้ไขแบบหรือไม่ มีการขยับแนวเขื่อนหินใหญ่หรือไม่ และให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภาคประชาชน 1 ชุด เป็นต้น
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงสร้างความเข้าใจว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนแนวหินใหญ่ ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ด้วย
สำหรับข้อเสนอของประชาชนนั้นทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการ เช่น ให้รถบรรทุกทำงานได้ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หากบรรทุกน้ำหนักเกินให้ทางตำรวจเข้มงวดการใช้กฎหมาย นอกจากนี้ให้มีการติดตั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟกระพริบ ให้นายอำเภอปากพนังไปดูแลการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานโดยให้มีภาคประชาชนร่วมเป็นกรรมการ นอกจากนี้ทางกรมเจ้าท่าจะมีการก่อสร้างช่องจอดเรือประมงในช่วงฤดูมรสุม จำนวน 2 ช่อง เป็นต้น ส่วนข้อสงสัยเรื่องการเปลี่ยนแบบหรือขยับแนวเขตก่อสร้างนั้น สามารถยื่นเรื่องขอข้อมูลได้ สำหรับข้อเสนอที่ให้มีการรื้อถอนแนวหินใหญ่ของแขวงทางหลวงนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงประกันสัญญาผลงานมีกำหนด 2 ปี ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ทางแขวงทางหลวงได้เสนอที่จะติดตั้งราวเหล็กป้องกันอันตราย เพื่อลดแรงกระแทกหากเกิดอุบัติเหตุทางถนน และจะติดตั้งเสาหลักนำทางที่มีสีสะท้อนแสง และจะติดตั้งไฟกระพริบบริเวณจุดตัดทางร่วมทางแยก แต่การดำเนินการต้องรองบประมาณ ยกเว้นการติดตั้งเสาหลักนำทางสามารถดำเนินการได้ทันที อย่างไรก็ตามทางตัวแทนประชาชน ไม่เห็นด้วยกับการติดตั้งราวเหล็กและเสาหลักนำทาง เพราะถนนแคบอยู่แล้วยิ่งจะทำให้มีอันตรายมากยิ่งขึ้น หากจะดำเนินการขอให้ทำประชาพิจารณ์ก่อน
นอกจากนี้ในช่วงระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนหินใหญ่นั้น ขอให้ประชาชนได้มีความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจาก 4 ปัจจัยหลัก คือ 1. คน 2. รถ 3. ถนน และ 4 สิ่งแวดล้อม แต่ส่วนใหญ่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์อุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของคน อย่างไรก็ตามทุกหน่วยงานพร้อมที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องตามความต้องการของพี่น้องประชาชน