เมื่อเวลา 10.30 น. (16 ม ค. 2561) นายสกล จันทรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนางจีรภา รอดเพชร ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ปลัดอำเภอปากพนัง ได้เดินทางไปยังพื้นที่ก่อสร้างแนวหินใหญ่ บริเวณสามแยกศาลาสนทมิโน ต.ขนาบนาก อ. ปากพนัง จ. นครศรีธรรมราช ริมถนนหมายเลข 4013 สายปากพนัง - หัวไทร เพื่อรับหนังสือข้อร้องเรียนจากนายไพโรจน์ รัตนรัตน์ แกนนำเรียกร้องก่อสร้างแนวคันกันคลื่นแนวชายฝังปากพนังและทวงคืนโฉนดทะเล พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ญาติ ๆ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างแนวคันกันคลื่นรวมทั้งประชาชนทั่วไปรวมเกือบ 100 คน
นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ กล่าวว่า เนื่องจากโครงการก่อสร้างแนวหินใหญ่เพื่อแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะถนนและบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของชาวบ้านตลอดแนวชายฝั่งริมถนนทางหลวงหมายเลข 4013 สายปากพนัง – หัวไทร ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนตลอดมาในช่วงระยะการดำเนินการก่อสร้างได้เกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนบนเส้นทางดังกล่าวนี้หลายครั้ง มีผู้เสียชีวิต จำนวน 5 คน และบาดเจ็บอีก 11 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยแต่ไม่แจ้งความดำเนินคดีอีกจำนวนหนึ่ง
นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ กล่าวต่อว่า หากยังไม่ได้รับการแก้ไข เชื่อว่าในภายภาคหน้าศพต่อไปอาจจะเป็นตัวเราเอง บุตรหลาน หรือคนใกล้ชิดของเราก็เป็นได้ จึงเห็นควรให้มีการแก้ไข รื้อถอน ทำตามแบบประชาวิจารณ์และความต้องการของประชาชน วัตถุประสงค์สร้างแนวกันคลื่นสร้างเพื่อป้องกันโฉนดทะเลหรือดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและภาครัฐ โดยเบื้องต้นมีข้อเสนอ 10 ข้อดังต่อไปนี้ 1. ให้ตรวจสอบ การสร้างแนวคันกันคลื่นว่าดำเนินการถูกต้องตามแบบหรือไม่ ตรงตามความต้องการของชาวบ้าน ตามประชามติที่กำหนดว่าจะต้องสร้างห่างออกจากแนวชายฝั่ง 70 เมตร 2. แนวกองหินคูทางถนนหลวงสาย 4013 หัวไทร-ปากพนัง (1.ให้รื้อถอนออก 2. หากรื้อถอนแนวหินใหญ่ร่องคูถนนหลวงออกไม่ได้ให้ปรับระดับเสมอถนนหลวงที่มีอยู่ แล้วใช้ทรายถมรองหินคลุกบดอัดปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นจุดๆ ตามที่มีแนวกองหินใหญ่ตกแต่งปรับทัศนียภาพ ปลูกต้นไม้ ตามแนวไหล่ทางถนน) 3. ผู้รับเหมามีการการขยับแนวกองหินและแนวก่อสร้างไม่ทำตามแบบประชาวิจารณ์ของประชาชนหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการไม่ว่าจะเป็นกรมเจ้าท่าหรือ กรมโยธาธิการและผังเมืองอนุญาตให้แก้แบบโดยไม่ผ่านขั้นตอนตามกฎหมาย ผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างไปก่อนแล้ว (ให้หยุดดำเนินการ) 4. การลักลอบเปลี่ยนแนวก่อสร้างเข้ามาชิดแนวถนนไม่ได้ป้องกันที่ดินสาธารณะทุ่งเลี้ยงสัตว์และที่ดินของชาวบ้านที่เหลือริมชายฝั่ง กลายเป็นสาเหตุทำให้ที่ดินที่เหลืออยู่นอกแนวกองหินซึ่งจะถูกคลื่นกัดเซาะหายไปเป็นส่วนหนึ่งของทะเล จึงไม่เป็นตามความต้องการและวัตถุประสงค์ของโครงการป้องกันโฉนดทะเล ให้ขยับแนวออกตามสภาพพื้นที่แนวกองหินเดิมอยู่ที่ประมาณ 70 เมตร 5. ให้ยุติการให้รถบรรทุกหินบรรทุกน้ำหนักเกิน เพราะทำให้ถนนชำรุดเสียหาย ประชาชนเดือดร้อนในการใช้ถนน 6. ห้ามไม่ให้รถบรรทุกหินในเวลากลางคืนบรรทุกหินกลางคืน เกิดมลพิษทางเสียงรบกวนเวลาพักผ่อนของประชาชนสองฝั่งถนนตลอดเส้นทาง รวมทั้งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุรถดังตัวอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นมาแล้ว เสียชีวิต 5 ศพ และพิการหลายราย เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ , รถจักรยานยนต์ หากยังมีรถบรรทุกทำงานในเวลากลางคืน ก็ขอให้มีมาตรการในการลงโทษผู้กระทำการฝ่าฝืนทางกฎหมายอย่างจริงจัง ขอให้ สภ.ปากพนังเป็นผู้เข้ามาดูแลในส่วนนี้ ดำเนินการจับกุมตามกฎหมาย 7. การก่อสร้างนอกจากมีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างผู้รับเหมาและภาครัฐที่รับผิดชอบโครงการแอบแก้แบบแล้ว ในบางช่วงแก้แบบยังไม่แล้วเสร็จแต่ให้ผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างไปก่อนล่วงหน้าถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือ ผู้รับเหมาซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์และส่งให้มีการเรียกรับประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ราชการผู้เกี่ยวข้องอีกด้วย การแก้ไขแบบให้เป็นไปตามข้อ 1. 8.ให้หยุดดำเนินการโครงการที่ยังแก้แบบไม่แล้วเสร็จเอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีการทำประชาคม หรือประชาพิจารณ์ในการขอแก้แบบตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จ จึงดำเนินการโครงการต่อไปได้ 9. ให้ผู้รับเหมา ติดตั้งป้ายเตือนและไฟส่องสว่าง โดยต้องมีเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณไม่น้อยกว่า 100 เมตรทั้ง 2 ด้าน และมีมาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้ชัดเจนก่อนดำเนินการก่อสร้าง และให้มีรถน้ำทำความสะอาดฉีดล้างถนนตลอดระยะเวลาการดำเนินการก่อสร้างโครงการ 10. ให้มีการจัดตั้งกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยให้มีภาคประชาชนเป็นกรรมการร่วมอย่างน้อย 10 คนและห้ามมิให้มีคนของหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการและผู้รับเหมาโครงการเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการโดยเด็ดขาด เพื่อการตรวจสอบการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชน ความคุ้มค่าของเงินภาษีราษฎร
นายสกล จันทรักษ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.61 ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เชิญนายไพโรจน์ รุตนรัตน์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือ และกำหนดแนวทางหลังการรับหนังสือร้องเรียน โดยที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาใน 2 ประเด็น คือ ประเด็นที่อ้างว่าก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งที่ประชุมมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำ โดยให้ติดตั้งสัญญาณเตือนตลอดแนวก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการดำเนินการอื่นๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุด ส่วนในประเด็นการก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามความต้องการ ไม่เป็นไปตามแบบ หรือทำให้รัฐและประชาชนเสียประโยชน์ จะได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป โดยให้อำเภอนัดหมายผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ภาคประชาชนทุกกลุ่ม ผู้ได้รับผลกระทบ และนักวิชาการที่เป็นกลาง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือหาทางออกร่วมกัน ในวันที่ 22 มกราคม 2561 ณ ศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อำเภอปากพนัง บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชน และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่จัดสรรงบประมาณภาษีประชาชนมาดำเนินการในโครงการนี้ และเชื่อว่าจะสามารถหาทางออกจนเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย