
(3 พ.ย.60) ที่บริเวณศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหาร ประกอบด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ,พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ เดินทางมาตรวจติดตามการดำเนินงานในพื้นที่ โดยมี
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานและภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวพบปะกับพี่น้องประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน จำนวน 100 คน เป็นเงิน 100,000 บาท ,มอบเครื่องนุ่งห่มแก่ตัวแทนผู้สูงอายุ และเรือท้องแบนแก่นายอำเภอปากพนัง จำนวน 11 ลำ เพื่อนำไปใช้ในชุมชนต่างๆ รองรับการเกิดภัยพิบัติและน้ำท่วม โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความห่วงใยแก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งให้กำลังใจในการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนนี้ โดยขอให้ทุกคนอย่าตื่นกระหนก และมีสติอยู่เสมอ มีการเตรียมความพร้อม ระมัดระวัง ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังขอให้พี่น้องประชาชนร่วมมือช่วยกันในการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน เพื่อให้มีความเจริญก้าวหน้า โดยขอให้ทุกคนน้อมนำศาสตร์ของพระราชา ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต อยู่อย่างพอเพียง พอดี พร้อมระบุว่าทางรัฐบาลพยายามดูแลทุกคนให้มีความสุข มีความพึงพอใจ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเท่าเทียมกัน โดยได้กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อย่างไรก็ตามในประเด็นความห่วงใยด้านการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชนนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวกับพี่น้องประชาชนว่าในการปลูกพืชนั้น พี่น้องเกษตรกรไม่ควรปลูกพืชเชิงเดี่ยว ควรปลูกพืชอื่นด้วย โดยให้เลือกชนิดตามความสมัครใจ เช่น ในพื้นที่ที่เคยปลูกยางพารา ซึ่งขณะนี้มีหลายประเทศที่ปลูกทั้งในพื้นที่ประเทศตัวเองและไปเช่าพื้นที่ปลูก ส่งผลให้มีปริมาณยางล้นตลาด ทำให้ราคายางพาราตกต่ำ พี่น้องเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน พี่น้องเกษตรกรต้องทำอย่างอื่นเสริมด้วยโดยให้ไว้วางใจข้าราชการ เพราะข้าราชการจะต้องเดินเคียงข้างประชาชนนำพาสู่ความอยู่ดีกินดี

จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะได้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการและการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ในโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน เยี่ยมชมกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโอท็อป และชื่นชมผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ส้มโอทับทิมสยาม ซึ่งผลไม้ที่มีชื่อเสียงและสร้างรายได้แก่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนเดินทางไปยังห้องประชุมศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อร่วมประชุม และมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และรับฟังการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางกลับนายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวว่าการเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมืออุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์ว่า จะมีพายุดีเปรสชั่นจากแหลมญวน พัดเข้ามาฝั่งไทยในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ภาคใต้นั้นประสบเหตุการณ์ทางอุทกภัยมาทุกปี และหลายครั้ง โดยประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจ แต่ก็ยังได้รับความเดือดร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเหตุจากปัจจัยด้านภูมิประเทศในภูมิภาคเป็นแบบนี้ ฉะนั้นทำอย่างไรถึงจะลดการสูญเสียให้มากที่สุด และจะทำอย่างไรในระหว่างที่มีเกิดสูญเสียนั้น เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้และอยู่รอด ส่วนแนวทางเรื่องการบริหารจัดการน้ำทางภาคราชการได้ดำเนินการไว้หลายประการ อาทิ การเก็บกักน้ำ การพร่องน้ำ การระบายน้ำ และการหน่วงน้ำ โดยในส่วนของโครงการที่จะต้องดำเนินการต่อจากโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ยังมีอีกหลายโครงการที่ยังทำไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา ทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะเป็นพื้นที่ทางการเกษตรของเกษตรกร ซึ่งส่วนนี้คือความยากง่ายในการดำเนินงาน แต่อย่างไรก็ตามยังคงจะดำเนินการต่อไป เพื่อสืบสานโครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 พื้นที่ภาคใต้ก็ยังมีปัญหาเรื่องน้ำเค็มเข้ามาข้างใน ในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นจะต้องปลูกพืชที่มีความเหมาะสมต่อพื้นที่
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางต่อมายังวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหารจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครต่อไป
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ
พรรณี/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
3 พฤศจิกายน 2560