วันนี้(29 พ.ค.60) ที่หอสมุดแห่งชาติ นครศรีธรรมราช นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมการดำเนินงานบูรณะพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช โดยมีผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช ผู้แทนจากสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร พระเทพวินยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และผู้รับจ้างเข้าร่วมประชุม
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในการบูรณะพระบรมธาตุฯ และองค์ประกอบ จำเป็นต้องมีแผนงานที่ชัดเจน หากมีปัญหาอุปสรรคจะแก้อย่างไร รวมทั้งการสร้างการรับรู้ให้แก่พี่น้องประชาชน การบูรณะไม่ใช่เราดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่เป็นงานระดับชาติ มีการยึดโยงกับสถาบันด้วย ซึ่งต้องมีเหตุผลในการอธิบายได้ที่ชัดเจน เช่น การติดตั้งนั่งร้านใช้ระยะเวลากี่วัน การบูรณะใช้เวลากี่วัน มีการบูรณะส่วนใดบ้าง เป็นต้น ซึ่งต้องมีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์โครงการให้ประชาชนได้รับทราบด้วย ส่วนการเสนอวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร เพื่อขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก ต้องช่วยกันทุกภาคส่วน ซึ่งต้องมีการปรับปรุงอีกหลายด้านทั้งสภาพแวดล้อมภายในวัดและภายนอกวัด
นายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 กรมศิลปากร ได้จัดสรรงบประมาณในการบูรณะพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช จำนวน 20 ล้านบาท แบ่งเป็นงานติดตั้งนั่งร้านสำหรับปฏิบัติงานพร้อมติดตั้งตาข่ายป้องกันวัสดุตกหล่น งบประมาณ 2,715,000 บาท ดำเนินการโดย หจก.บูรณาไท ซึ่งการติดตั้งนั่งร้านมีความคืบหน้าแล้วประมาณ 50% กำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 30 มิถุนายน 2560 และงานบูรณะปลียอดองค์พระบรมธาตุ ดำเนินการโดยสำนักช่างสิบหมู่และสำนักศิลปากรที่ 12 งบประมาณ 17,249,000 บาท ซึ่งจะสามารถเริ่มดำเนินการได้หลังจากการติดตั้งนั่งร้านแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการบูรณะประมาณ 360 วัน แต่ขณะนี้ทางสำนักช่างสิบหมู่ ได้รับมอบหมายในการดำเนินงานศิลปกรรมประกอบงานพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช ให้แล้วเสร็จ ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาในการบูรณะกลีบบัวทองคำคลาดเคลื่อนได้ อย่างไรก็ตามในการบูรณะปลียอดองค์พระบรมธาตุครั้งนี้ อาจจะไม่มีการถอดทองคำที่หุ้มปลียอดลงมา เพราะหากถอดออกอาจจะทำให้เกิดการชำรุดเสียหายและจะต้องใช้ระยะเวลาในการบูรณะและงบประมาณเพิ่มมากขึ้น แต่จะมีการบูรณะกลีบบัวค่ำบัวหงายที่ชำรุดเสียหาย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของอธิบดีกรมศิลปากร ซึ่งทางสำนักช่างสิบหมู่ได้รายงานให้อธิบดีฯ ได้พิจารณาแล้ว นอกจากนี้ทางผู้รับจ้างจะต้องบูรณะองค์พระบรมธาตุ ที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ซึ่งใช้งบประมาณกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ในงวดงานสุดท้ายจนแล้วเสร็จด้วย สำหรับทองคำที่ได้จัดซื้อด้วยงบประมาณกลุ่มจังหวัดฯ จำนวน 20 ล้านบาท น้ำหนักทอง 14 กิโลกรัม ได้ฝากไว้ในตู้เซฟของธนาคาร
ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้สำนักศิลปากรที่ 12 ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกลุ่มจังหวัดฝั่งอ่าวไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำนวน 6,120,000 บาท เพื่อบูรณะเจดีย์ราย จำนวน 149 องค์ที่อยู่รอบองค์พระบรมธาตุ ขณะนี้ผู้รับจ้างได้บูรณะแล้วเสร็จ 28 องค์ ซึ่งถือว่าช้ากว่างวดงานที่กำหนดไว้ ซึ่งทางผู้รับจ้างได้เร่งหาช่างฝีมือมาเพิ่ม ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้รับจ้างว่าการบูรณะเจดีย์ราย จะแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างในวันที่ 25 ตุลาคม 2560
ขณะที่ ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะประธานฝ่ายวิชาการ การนำเสนอวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก กล่าวว่า ในการจัดทำร่างเอกสารนำเสนอ(Nomination Dossier)ฉบับภาษาไทยเสร็จแล้ว ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของต้นฉบับ โดยจะมีการจัดประชุมในปลายเดือนมิถุนายน 2560 ที่องค์การสปาฟา กรุงเทพฯ หลังแก้ไขความถูกต้องแล้วจากนั้นจะมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2560 และการจัดทำรูปเล่มฉบับสมบูรณ์ในช่วงเดือนตุลาคม 2560 จากนั้นจะมีการนำเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐบาลเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นจากคณะกรรมการระดับชาติที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอเป็นมรดกโลก รวม 3 คณะ ซึ่งต้องดำเนินการในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2560 จากนั้นสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะนำส่งไปยังศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนวันที่ 31 มกราคม 2561 เพื่อรอการประชุมพิจารณาของคณะกรรมการอิโคโมส(ICOMOS)และคณะกรรมการมรดกโลกในลำดับต่อไป
ส.ปชส.นครศรีธรรมราช