เรียน บก.นสพ. นครโพสต์

                “ดิฉันได้รับความเดือดร้อน จากไฟฟ้าช๊อตเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา เหตุจากที่ดิฉันเดินกลับมาจากทำไร่ แต่ขณะนั้นเขากำลังปรับปรุงถนน เสาไฟฟ้าหักโค่นล้ม สายไฟขาดลงกลางถนน จากความปราทเลิ่นเล่อของบริษัทและไฟฟ้า สลบไปประมาณ 3 วันสมอง ร่างกายได้รับกระทบกระเทือน ต่อมาบริษัทและการไฟฟ้า ยอมรับผิดและตกลงค่าเสียหาย จำนวน 2 แสนบาท มาถึงขณะนี้ไฟฟ้าจะรับผิดชอบในส่วนของ การไฟฟ้าแล้ว แต่เมื่อถึงเวลานัดบริษัท กลับไม่จ่าย ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไร โทรหาตำรวจบอกว่ากำลังดำเนินการ โทรหาบริษัทติดต่อไม่ได้ จึงอยากเรียกร้องให้ท่านช่วยมา ณ ที่นี้ เป็นที่พึ่งสุดท้าย เลยรบกวนให้น้องช่วยเขียนแล้วก็ส่งมาให้ท่านช่วยกรุณา” ขอบคุณมา ณ ที่นี้อย่างสูง (สารี)

โวยบริษัทเมืองคอน ต้นเหตุทำไฟฟ้าช็อตปางตาย ชิ่งเบี้ยวจ่ายเงินชดเชยหลังผัดผ่อนมาแล้ว 2 ครั้ง  เล็งฟ้องให้สภาทนาย-กสม.ช่วย พ้อคนจนชนบทเข้าถึงความยุติธรรมยาก ด้าน ผกก.สภ.สิชล ลั่นหากมีเจตนาไม่จ่าย ดำเนินคดีทันที หลักฐานมัดแน่น

                นางสารี ช่างทอง อายุ 41 ปี   บ้านเลขที่ 73 หมู่ 6 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสจากความประมาทเลินเล่อของการบริษัทเอกชนที่รับเหมาปรับปรุงถนนด่านขุนเดช ต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงโค่นล้มกระแสไฟฟ้ารั่วไหลลงกลางศรีษะบาดเจ็บสาหัสเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว ภายหลังการเจรจาทำข้อตกลงกับคู่กรณีคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขตอำเภอสิชลและบริษัท สยามวุฒิพันธ์ จำกัด บริษัทรับเหมาปรับปรุงถนนดังกล่าวสรุปได้ว่าทั้งสองหน่วยงานมีการยอมรับผิดชอบทั้งคู่โดยจะมีการไฟฟ้าจะจ่ายค่าเสียหายชดเชยจำนวน 75,000  บาทและ บริษัท สยามวุฒิพันธ์ ฯจะจ่ายให้จำนวน 125,000 บาท ซึ่งนัดจ่ายพร้อมกันภายในวันที่ 1 ก.ค. แต่ผลปรากฏว่าเมื่อถึงวันที่ 1 ก.ค.ทั้งคู่ได้มาขอทำความตกลงว่าขอผัดผ่อนไปจ่ายในวันที่ 7 ก.ค.เนื่องจากบริษัท ยังไม่มีความพร้อม ทั้งนี้ในวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมาทางการไฟฟ้าฯได้เดินทางมาที่  สภอ.สิชล ตามที่คาดหมายและได้นำเงินมาจ่ายตามที่ตกลง แต่ปรากฎว่าทางบริษัทคู่กรณีกลับไม่มาตามนัด โดยเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและญาติพี่น้องของตนได้พยายามติดต่อทางบริษัท แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากทุกคนได้ทำการปิดสัญญาณโทรศัพท์

                “ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เห็นว่าเราเป็นลูกตาสีตาสา แล้วพยายามบิดเบี้ยว ไม่ยอมมาจ่ายค่าชดเชย ความจริงเงินแค่ 100,000 บาทนี้มันยังน้อยไปกับสิ่งที่ดิฉันสูญเสียไป ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดกับลูกเมียเขา เขาคงไม่เดือดร้อน ไม่รู้สึก ดิฉันต้องลำบากขนาดไหน ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เลี้ยงดูลูก แต่ตอนนี้ร่างกายยังไม่สามารถเดิน ได้ปกติ เดือดร้อนอย่างมาก หรือเขาเห็นว่าเราเป็นคนจนในชนบทถึงไม่ยอมจ่าย ตำรวจเองก็ไม่ทำงานเต็มที่ เพราะต้องยอมรับว่าคนจน ในชนบทไม่มีทางที่จะเข้าถึงความยุติธรรมได้ ไม่เหมือนคนรวย อยู่ในสังคมเมือง ”น.ส.สารี กล่าว

                น.ส.สารี กล่าวอีกว่า อยากได้ความรับผิดชอบจากทางบริษัท ตามที่ตกลงกัน อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภอ.สิชล ช่วยประสานและติดตามให้ทางบริษัทจ่ายค่าชดเชยตามที่ตกลงกันไว้ ไม่ใช่ปล่อยทิ้ง ไม่ดูแลความเดือดร้อนของชาวบ้าน ไม่รู้จะไปเรียกร้องกับใครได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามหากบริษัท ไม่รับผิดชอบดิฉันไม่ยอมแน่นอน จะทำเรื่องร้องเรียนไปถึงสภาทนายความหรือไม่ก็ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเรียกร้องสิทธิ เพื่อให้เป็นตัวอย่างของความยุติธรรมของคนในชนบท ที่ไม่สามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้ 
                พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สภ.สิชล  กล่าวว่า กรณีนี้ พ.ต.ท.ภิรมย์ เรืองรุ่ง พนักงานสอบสวนซึ่งเป็นเจ้าของคดี ได้มีรายงานมาแล้วว่าทั้งคู่กรณีได้ทำความตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เพราะดูจากเบื้องต้นแล้วก็สมควรที่การไฟฟ้าและบริษัทจะต้องแสดงความรับผิดชอบ เรายืนยันว่าดูแลและให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคนอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรแอบแฟงอย่างแน่นอน ไม่ทิ้งความรับผิดชอบอย่างแน่นอน โดยเรื่องนี้ในวันที่ 10-11 ก.ค.นี้ตนจะติดตามและสอบถามเหตุผลของทางบริษัทที่ไม่เดินทางมาจ่ายค่าชดเชยตามที่ตกลงกันไว้

                ด้าน พ.ต.ท.ภิรมย์ เรืองรุ่ง พนักงานสอบสวน (สบ. 3 ) สภ.สิชล เจ้าของคดี กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อสอบถามสาเหตุการไม่มาชดเชยค่าเสียหายตามที่เรียกร้องเอาไว้แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจ.นครศรีธรรมราช ให้ช่วยประสานไปยังบริษัทเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้ต่อไป แต่หากไม่มาจ่ายหรือมีเจตนาที่จะไม่รับผิดชอบเรื่องนี้ ทางตำรวจจะดำเนินคดีกับบริษัท ต่อไปเนื่องจากมีเอกสารหลักฐานชัดเจน ที่บริษัทยินยอมที่จะรับผิดชอบ

/////////////////

เบอร์ติดต่อ นางสารี ช่างทอง 087-6260-463 ขอขอบคุณอีกครั้งในความกรุณา เป็นอย่างยิ่ง